แบรนด์ดังปังกว่าเดิม! เช็คโซเชียลด้วยเครื่องมือเทพ ไม่ลับแต่ต้องรู้

webmaster

**

A vibrant, interconnected web of social media icons and speech bubbles, radiating outwards from a central ear. Within the ear, a magnifying glass highlights keywords and sentiment analysis data. The overall feel is modern, bright, and emphasizes hidden insights being revealed. Keywords: social listening, insights, data analysis, brand monitoring.

**

ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารไหลบ่าท่วมท้น การรับฟังความคิดเห็นของผู้คนบนโลกออนไลน์ (Social Listening) กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่แบรนด์ต่างๆ ขาดไม่ได้เลยค่ะ เพราะมันช่วยให้เราเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์ของเราได้อย่างลึกซึ้ง เหมือนมีหูทิพย์คอยฟังทุกเสียงที่พูดถึงเรา ไม่ว่าจะเป็นคำชม คำติ หรือแม้แต่ข้อเสนอแนะต่างๆ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มีค่ามหาศาลในการนำมาปรับปรุงพัฒนาสินค้าและบริการของเราให้ดียิ่งขึ้นดิฉันเองก็เคยมีประสบการณ์ตรงกับการใช้ Social Listening ค่ะ ตอนนั้นทำแคมเปญเปิดตัวสินค้าใหม่ แล้วก็ลองใช้เครื่องมือ Social Listening ดู ปรากฏว่าเจอกระแสตอบรับที่หลากหลายมาก บางคนก็ชอบมาก บางคนก็เฉยๆ บางคนก็ติงเรื่องแพ็กเกจจิ้งที่ไม่ค่อยถูกใจ แต่ที่น่าสนใจคือ มีคนกลุ่มหนึ่งพูดถึงฟีเจอร์ที่เราไม่ได้เน้นย้ำมากนัก แต่กลับกลายเป็นว่าพวกเขาสนใจฟีเจอร์นั้นเป็นพิเศษ ทำให้เราได้ไอเดียในการปรับกลยุทธ์การตลาดใหม่ โดยเน้นไปที่ฟีเจอร์ที่ลูกค้าสนใจจริงๆ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ ยอดขายสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยค่ะและในอนาคตอันใกล้นี้ เราจะได้เห็นการนำ AI และ Machine Learning เข้ามาช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลจาก Social Listening มากขึ้น ทำให้เราสามารถคาดการณ์แนวโน้มความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น รวมทั้งสามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าแต่ละคนได้อย่างเฉพาะเจาะจง (Personalized) มากขึ้นด้วยค่ะ นอกจากนี้ เทรนด์ที่น่าจับตามองอีกอย่างก็คือ การใช้ Social Listening ในการตรวจจับข่าวปลอม (Fake News) และข้อมูลที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับแบรนด์ เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นต่อชื่อเสียงของแบรนด์ได้อีกด้วยฉันว่า Social Listening ไม่ได้เป็นแค่เครื่องมือสำหรับนักการตลาดเท่านั้นนะคะ แต่เป็นเครื่องมือที่ทุกคนในองค์กรควรให้ความสำคัญ เพราะมันช่วยให้เราเข้าใจลูกค้ามากขึ้น และนำไปสู่การตัดสินใจที่ดีขึ้นในทุกๆ ด้านของธุรกิจค่ะต่อไปนี้เราจะมาเจาะลึกรายละเอียดเกี่ยวกับ Social Listening กันให้มากขึ้นนะคะ ว่ามันคืออะไร มีประโยชน์อย่างไร และเราจะนำมันมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้อย่างไรเอาล่ะค่ะ เพื่อให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ เราไปทำความเข้าใจให้ลึกซึ้งในบทความด้านล่างนี้กันเลย!

เจาะลึกการรับฟังทางสังคม: มากกว่าแค่การติดตามแบรนด์

1. ค้นหาข้อมูลเชิงลึกที่ซ่อนอยู่

แบรนด - 이미지 1

การรับฟังทางสังคมไม่ได้จำกัดอยู่แค่การติดตามว่าใครพูดถึงแบรนด์ของเราบ้าง แต่มันคือการขุดคุ้ยหาข้อมูลเชิงลึกที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังคำพูดเหล่านั้นค่ะ ยกตัวอย่างเช่น หากเราพบว่ามีการพูดถึงสินค้าของเราในเชิงลบเป็นจำนวนมาก เราต้องเจาะลึกลงไปดูว่าอะไรคือสาเหตุที่แท้จริง ลูกค้าไม่พอใจในเรื่องอะไร สินค้ามีปัญหาตรงไหน หรือบริการของเราไม่ดีตรงไหน ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุดและทันท่วงที

ยิ่งไปกว่านั้น การรับฟังทางสังคมยังช่วยให้เราค้นพบโอกาสใหม่ๆ ในการพัฒนาสินค้าและบริการของเราได้อีกด้วยค่ะ บางครั้งลูกค้าอาจจะพูดถึงความต้องการของพวกเขาที่เราไม่เคยคิดถึงมาก่อน หรืออาจจะมีการเสนอไอเดียใหม่ๆ ที่น่าสนใจที่เราสามารถนำมาปรับใช้ได้ การเปิดใจรับฟังความคิดเห็นของลูกค้าอยู่เสมอ จะช่วยให้เราสามารถสร้างสรรค์สินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของพวกเขาได้อย่างแท้จริง

2. สร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับลูกค้า

การรับฟังทางสังคมเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าค่ะ เมื่อลูกค้าเห็นว่าเราใส่ใจรับฟังความคิดเห็นของพวกเขา พวกเขาจะรู้สึกว่าแบรนด์ของเราให้ความสำคัญกับพวกเขาจริงๆ และพร้อมที่จะสนับสนุนแบรนด์ของเราต่อไปในระยะยาว การตอบสนองต่อความคิดเห็นของลูกค้าอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ จะช่วยสร้างความไว้วางใจและความภักดีต่อแบรนด์ได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ การรับฟังทางสังคมยังช่วยให้เราสามารถเข้าใจความต้องการของลูกค้าแต่ละคนได้ดียิ่งขึ้นค่ะ เราสามารถใช้ข้อมูลที่ได้จากการรับฟังทางสังคมในการปรับแต่งประสบการณ์ของลูกค้าแต่ละคนให้เหมาะสมกับความต้องการของพวกเขามากที่สุด ยกตัวอย่างเช่น หากเราทราบว่าลูกค้าคนหนึ่งชอบสินค้าประเภทหนึ่งเป็นพิเศษ เราสามารถส่งข้อเสนอพิเศษหรือข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าประเภทนั้นให้กับลูกค้าคนนั้นได้โดยเฉพาะ ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการขายและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างมาก

ที่สำคัญที่สุดคือ การรับฟังทางสังคมต้องทำด้วยความจริงใจและใส่ใจจริงๆ ค่ะ ลูกค้าจะรู้สึกได้ว่าเราสนใจความคิดเห็นของพวกเขาจริงๆ หรือแค่ทำตามหน้าที่ การแสดงความขอบคุณสำหรับการแสดงความคิดเห็น การขอโทษเมื่อทำผิดพลาด และการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ จะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับลูกค้าได้ในระยะยาว

พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส: เมื่อแบรนด์ถูกพูดถึงในแง่ลบ

1. อย่าเพิกเฉยต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์

เมื่อแบรนด์ถูกพูดถึงในแง่ลบ สิ่งแรกที่ควรทำคืออย่าเพิกเฉยต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์เหล่านั้นค่ะ การเพิกเฉยจะทำให้สถานการณ์แย่ลง และอาจทำให้ลูกค้าที่รู้สึกไม่พอใจหันไปหาแบรนด์คู่แข่งได้ในที่สุด สิ่งที่ควรทำคือการรับฟังความคิดเห็นของลูกค้าอย่างตั้งใจ และพยายามทำความเข้าใจว่าอะไรคือสาเหตุที่แท้จริงของปัญหา

หลังจากที่รับฟังความคิดเห็นของลูกค้าแล้ว สิ่งสำคัญคือการตอบสนองต่อความคิดเห็นเหล่านั้นอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพค่ะ การแสดงความเสียใจต่อความไม่พอใจที่เกิดขึ้น การขอโทษสำหรับการทำผิดพลาด และการให้คำมั่นสัญญาว่าจะแก้ไขปัญหา จะช่วยลดความโกรธและความไม่พอใจของลูกค้าได้เป็นอย่างมาก

2. เปลี่ยนคำติชมให้เป็นข้อมูลเชิงลึก

คำติชมจากลูกค้าไม่ได้เป็นแค่เรื่องน่าปวดหัวเท่านั้น แต่มันเป็นข้อมูลเชิงลึกที่มีค่ามหาศาลในการพัฒนาสินค้าและบริการของเราให้ดียิ่งขึ้นค่ะ ลองคิดดูว่าถ้าไม่มีใครบอกเราว่าสินค้าของเรามีข้อบกพร่องตรงไหน เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราต้องปรับปรุงอะไรบ้าง การรับฟังคำติชมจากลูกค้าอย่างเปิดใจ จะช่วยให้เราค้นพบจุดอ่อนของสินค้าและบริการของเรา และนำไปสู่การปรับปรุงแก้ไขที่ตรงจุด

นอกจากนี้ คำติชมจากลูกค้ายังช่วยให้เราเข้าใจความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วยค่ะ บางครั้งลูกค้าอาจจะไม่ได้บอกความต้องการของพวกเขาออกมาตรงๆ แต่พวกเขาจะแสดงความต้องการเหล่านั้นผ่านทางคำติชม การวิเคราะห์คำติชมจากลูกค้าอย่างละเอียด จะช่วยให้เราเข้าใจว่าลูกค้าต้องการอะไร และเราจะตอบสนองความต้องการเหล่านั้นได้อย่างไร

3. แสดงความรับผิดชอบและแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง

เมื่อเกิดปัญหาขึ้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการแสดงความรับผิดชอบและแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังค่ะ การโยนความผิดให้คนอื่น การแก้ตัว หรือการเพิกเฉยต่อปัญหา จะทำให้สถานการณ์แย่ลง และอาจทำให้ลูกค้าหมดความไว้วางใจในแบรนด์ของเราได้ในที่สุด สิ่งที่ควรทำคือการยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น และให้คำมั่นสัญญาว่าจะแก้ไขปัญหาให้ดีที่สุด

การแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ จะช่วยลดความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อชื่อเสียงของแบรนด์ และยังเป็นการแสดงให้เห็นว่าเราให้ความสำคัญกับลูกค้าของเราจริงๆ การติดตามผลการแก้ไขปัญหาอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้เรามั่นใจได้ว่าปัญหาได้รับการแก้ไขอย่างถาวร และจะไม่เกิดขึ้นอีกในอนาคต

เครื่องมือและเทคนิค: สร้างระบบ Social Listening ที่มีประสิทธิภาพ

1. เลือกเครื่องมือที่เหมาะสม

ในปัจจุบันมีเครื่องมือ Social Listening ให้เลือกใช้มากมาย ทั้งแบบฟรีและแบบเสียเงิน แต่ละเครื่องมือก็มีฟังก์ชันการทำงานที่แตกต่างกันไป การเลือกเครื่องมือที่เหมาะสมกับความต้องการและงบประมาณของเรา จะช่วยให้เราสามารถสร้างระบบ Social Listening ที่มีประสิทธิภาพได้

เครื่องมือ Social Listening ที่ดีควรมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้:

  • สามารถติดตามการสนทนาบนแพลตฟอร์มต่างๆ ได้อย่างครอบคลุม
  • สามารถกรองข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปได้
  • สามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างละเอียด
  • สามารถสร้างรายงานที่เข้าใจง่าย
  • สามารถแจ้งเตือนเมื่อมีการพูดถึงแบรนด์ในเชิงลบ

2. กำหนดเป้าหมายและตัวชี้วัด

ก่อนที่จะเริ่มใช้เครื่องมือ Social Listening เราต้องกำหนดเป้าหมายและตัวชี้วัดที่ชัดเจนก่อนค่ะ เราต้องการที่จะติดตามอะไร เราต้องการที่จะวัดผลอะไร การกำหนดเป้าหมายและตัวชี้วัดที่ชัดเจน จะช่วยให้เราสามารถใช้เครื่องมือ Social Listening ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และวัดผลความสำเร็จได้อย่างถูกต้อง

ตัวอย่างเป้าหมายและตัวชี้วัดที่ควรพิจารณา:

  • จำนวนครั้งที่แบรนด์ถูกพูดถึง
  • ความรู้สึกของผู้คนที่พูดถึงแบรนด์ (บวก ลบ หรือเป็นกลาง)
  • ประเด็นที่ผู้คนสนใจเกี่ยวกับแบรนด์
  • ผลกระทบของการตลาดต่อการรับรู้ของแบรนด์

3. วิเคราะห์ข้อมูลและนำไปปรับปรุง

การรับฟังทางสังคมไม่ได้จบลงแค่การเก็บรวบรวมข้อมูลเท่านั้น แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือการวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านั้น และนำไปปรับปรุงสินค้า บริการ และกลยุทธ์ทางการตลาดของเราให้ดียิ่งขึ้น การวิเคราะห์ข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้เราสามารถปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของตลาด และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างทันท่วงที

ตัวอย่างการนำข้อมูลจากการรับฟังทางสังคมไปปรับปรุง:

  • ปรับปรุงสินค้าและบริการให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า
  • ปรับปรุงการสื่อสารทางการตลาดให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
  • แก้ไขปัญหาที่ลูกค้าพบเจอ
  • สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า

กรณีศึกษา: ตัวอย่างความสำเร็จจากการใช้ Social Listening

แบรนด์ ปัญหา/ความท้าทาย วิธีการใช้ Social Listening ผลลัพธ์
Starbucks ลูกค้าไม่พอใจกับรสชาติกาแฟ ติดตามการสนทนาบน Twitter และ Facebook เพื่อหาความคิดเห็นเกี่ยวกับรสชาติกาแฟ ปรับปรุงสูตรกาแฟให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น ทำให้ความพึงพอใจของลูกค้าเพิ่มขึ้น
Netflix ต้องการทราบว่าผู้ชมชอบดูอะไร วิเคราะห์ข้อมูลการรับชมและคำติชมของผู้ชมบนโซเชียลมีเดีย สร้างภาพยนตร์และซีรีส์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ชมมากขึ้น ทำให้จำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้น
Nike ถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการใช้แรงงานเด็ก ติดตามการสนทนาบนอินเทอร์เน็ตและสื่อต่างๆ เพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับประเด็นนี้ ปรับปรุงนโยบายด้านแรงงานและสื่อสารกับสาธารณชนอย่างโปร่งใส ทำให้ความเชื่อมั่นในแบรนด์กลับคืนมา

เทรนด์ที่น่าจับตามอง: อนาคตของการรับฟังทางสังคม

1. AI และ Machine Learning จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น

ในอนาคตอันใกล้นี้ เราจะได้เห็นการนำ AI และ Machine Learning เข้ามาช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลจาก Social Listening มากขึ้น ทำให้เราสามารถคาดการณ์แนวโน้มความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น รวมทั้งสามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าแต่ละคนได้อย่างเฉพาะเจาะจง (Personalized) มากขึ้นด้วยค่ะ

AI และ Machine Learning จะช่วยให้เราสามารถ:

  • วิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
  • ค้นหารูปแบบและความสัมพันธ์ที่ซ่อนอยู่ในข้อมูล
  • คาดการณ์แนวโน้มความต้องการของผู้บริโภค
  • สร้างประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัวให้กับลูกค้าแต่ละคน

2. การรับฟังทางสังคมจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของทุกแผนกในองค์กร

ในอดีต การรับฟังทางสังคมอาจจะถูกมองว่าเป็นหน้าที่ของแผนกการตลาดเท่านั้น แต่ในอนาคต การรับฟังทางสังคมจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของทุกแผนกในองค์กรค่ะ เพราะข้อมูลที่ได้จากการรับฟังทางสังคมมีประโยชน์ต่อทุกส่วนของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาสินค้า การบริการลูกค้า การบริหารความเสี่ยง หรือการวางแผนกลยุทธ์

ทุกแผนกในองค์กรสามารถใช้ข้อมูลจากการรับฟังทางสังคมในการ:

  • เข้าใจความต้องการของลูกค้า
  • ปรับปรุงสินค้าและบริการ
  • แก้ไขปัญหา
  • สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า

3. ความเป็นส่วนตัวและความโปร่งใสจะมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น

ในยุคที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวและความโปร่งใสมากยิ่งขึ้น การรับฟังทางสังคมจะต้องทำด้วยความระมัดระวังและเคารพสิทธิส่วนบุคคลของผู้บริโภค เราจะต้องแจ้งให้ผู้บริโภคทราบว่าเรากำลังเก็บรวบรวมข้อมูลของพวกเขา และเราจะนำข้อมูลเหล่านั้นไปใช้อย่างไร นอกจากนี้ เราจะต้องให้ผู้บริโภคมีสิทธิในการเข้าถึง แก้ไข และลบข้อมูลของพวกเขาได้

เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายและสร้างความไว้วางใจกับผู้บริโภค เราจะต้อง:

  • ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
  • แจ้งให้ผู้บริโภคทราบว่าเรากำลังเก็บรวบรวมข้อมูลของพวกเขา
  • ให้ผู้บริโภคมีสิทธิในการเข้าถึง แก้ไข และลบข้อมูลของพวกเขา
  • ใช้ข้อมูลของผู้บริโภคอย่างมีความรับผิดชอบ

เจาะลึกการรับฟังทางสังคมนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อธุรกิจในยุคปัจจุบัน ไม่ใช่แค่การรับรู้ว่าใครพูดถึงแบรนด์ของเรา แต่เป็นการทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความต้องการและความรู้สึกของลูกค้า การนำข้อมูลเหล่านี้ไปปรับปรุงและพัฒนาธุรกิจของเราให้ดียิ่งขึ้น จะช่วยให้เราประสบความสำเร็จในระยะยาวได้ค่ะ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และเป็นแนวทางให้ทุกท่านนำไปประยุกต์ใช้กับการรับฟังทางสังคมของธุรกิจท่านนะคะ

บทสรุป

1. เครื่องมือ Social Listening ฟรี: Hootsuite, Buffer, Google Alerts เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการเริ่มต้น

2. เคล็ดลับการใช้ Hashtag: ใช้ Hashtag ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจและอุตสาหกรรมของคุณเพื่อเพิ่มการมองเห็น

3. การวิเคราะห์เชิงลึก: มองหาเทรนด์และรูปแบบในการสนทนาเพื่อหาข้อมูลเชิงลึกที่มีคุณค่า

4. สร้างการมีส่วนร่วม: ตอบคำถามและความคิดเห็นของลูกค้าอย่างรวดเร็วและเป็นมิตร

5. การวัดผล: ติดตามตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น จำนวนการกล่าวถึงแบรนด์และความรู้สึกของผู้คน

ประเด็นสำคัญที่ต้องจำ

– การรับฟังทางสังคมคือการฟังอย่างตั้งใจและตอบสนองอย่างเหมาะสม

– ใช้ข้อมูลที่ได้จากการรับฟังทางสังคมในการปรับปรุงสินค้าและบริการ

– สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าผ่านการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ

– รักษาความเป็นส่วนตัวและความโปร่งใสในการเก็บรวบรวมข้อมูล

– ติดตามเทรนด์ใหม่ๆ และปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของตลาด

คำถามที่พบบ่อย (FAQ) 📖

ถาม: Social Listening คืออะไร และทำไมถึงสำคัญสำหรับธุรกิจ?

ตอบ: Social Listening คือการติดตามและวิเคราะห์สิ่งที่ผู้คนพูดถึงแบรนด์, สินค้า, บริการ หรือหัวข้อที่เกี่ยวข้องบนแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ เช่น โซเชียลมีเดีย, เว็บบอร์ด, บล็อก และเว็บไซต์รีวิวต่างๆ มันสำคัญสำหรับธุรกิจเพราะช่วยให้เข้าใจความรู้สึกนึกคิด, ความต้องการ, และปัญหาของลูกค้า รวมถึงติดตามแนวโน้มของตลาดและคู่แข่งได้

ถาม: เครื่องมือ Social Listening มีอะไรบ้าง และควรเลือกใช้อย่างไร?

ตอบ: เครื่องมือ Social Listening มีให้เลือกใช้มากมาย ทั้งแบบฟรีและเสียเงิน เช่น Google Alerts, Hootsuite, Brand24, Mention และ Sprout Social แต่ละเครื่องมือมีฟังก์ชันและความสามารถที่แตกต่างกัน ควรเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสมกับงบประมาณ, ขนาดของธุรกิจ, และความต้องการในการวิเคราะห์ข้อมูล เช่น หากต้องการติดตามคำหลัก (keyword) ที่เฉพาะเจาะจง Google Alerts อาจเพียงพอ แต่หากต้องการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกและติดตามการเปลี่ยนแปลงของความรู้สึก (sentiment) ของลูกค้า อาจต้องใช้เครื่องมือที่มีฟังก์ชันขั้นสูงกว่า

ถาม: นอกจากธุรกิจแล้ว Social Listening มีประโยชน์ต่อบุคคลทั่วไปหรือไม่?

ตอบ: แน่นอนว่ามีประโยชน์ค่ะ Social Listening ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ธุรกิจเท่านั้น บุคคลทั่วไปก็สามารถใช้ Social Listening เพื่อติดตามข่าวสาร, ความคิดเห็น, และแนวโน้มต่างๆ ในหัวข้อที่สนใจได้ เช่น หากสนใจเรื่องการทำอาหาร สามารถใช้ Social Listening เพื่อติดตามสูตรอาหารใหม่ๆ, เคล็ดลับการทำอาหาร, หรือความคิดเห็นเกี่ยวกับร้านอาหารต่างๆ ได้ นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ Social Listening เพื่อติดตามข่าวสารเกี่ยวกับดารา, นักกีฬา, หรือบุคคลสาธารณะที่ชื่นชอบได้อีกด้วย เหมือนมีเรดาร์ส่วนตัวคอยจับทุกความเคลื่อนไหวที่เราสนใจเลยล่ะค่ะ

📚 อ้างอิง